เพ้สตี้ได้ใช้ความพยายามอย่างสูงสุดเสมอมาเพื่อที่จะปรับปรุงและพัฒนาฉาบในระดับเริ่มต้น (Budget) โดยทางเพ้สตี้ได้ผลิตฉาบออกมาในซีรีย์ที่ชื่อว่า Paiste Sound Technology หรือ PST ซึ่งรับรองได้เลยว่าคุณจะไม่ผิดหวังในเสียงและคุณภาพ
โดยในปี 2005 เพ้สตี้ได้แนะนำฉาบรุ่น PST3 และ PST5 ในปี 2012 เพ้สตี้ได้เพิ่มฉาบรุ่น PST8 เข้ามาโดยมีเนื้อฉาบเป็นแบบ B8 ที่มีผิวฉาบเป็นแบบรีเฟล็กซ์เตอร์ (Reflector) และในปี 2014 นี้เองที่ทางเพ้สตี้ได้ผลิตฉาบรุ่น PST7 ขึ้นมาโดยมีคุณภาพเทียบเท่ากันกับรุ่น PST8 แต่ว่าจะมีผิวฉาบที่เป็นแบบขัดเงา (Polish) |
จุดเด่นของฉาบเพ้สตี้รุ่น PST7 (รวมทั้งรุ่น PST8 และ PST5) ก็คือทำมาจากบรอนซ์ B8 หรือ CuSn8 โดยทางเพ้สตี้เป็นบริษัทแรกที่ประสบความสำเร็จในการผลิตฉาบในระดับมืออาชีพที่มีแร่ดีบุก (Tin) ในปริมาณต่ำนี้ และยังคงเป็นผู้นำในการผลิตฉาบที่มีเนื้อ B8 นี้มาจนถึงปัจจุบัน
ฉาบรุ่น PST7 จะมีการกลึงทั้งด้านบนและด้านล่างของฉาบ รวมทั้งเบล (bell) ด้วย โดยระยะห่างระหว่างร่องที่เกิดจากการกลึงแต่ละร่องจะมีความกว้างแตกต่างกันเล็กน้อย ฉาบไรด์ (Ride) และ แครช (Crash) จะมีรอยทุบ (Hammer) ที่เบาบางและดูคล้ายกับแอ่งบนพื้นผิวของดวงจันทร์ นอกจากนี้ยังมีฉาบไชน่า (China) และ สแปลช (Splash) ด้วยโดยสามารถแยกตามน้ำหนักได้เป็นสามรุ่นคือ Light, Medium และ Heavy ซึ่งคุณสมบัติของเสียงในภาพรวมของฉาบรุ่น PST7 คือ เสียงที่ใส นุ่มนวล และ สะอาด |
สำหรับฉาบไรด์ทั้งสามรุ่นจะให้เสียงที่คมชัด ดังและก้องกังวาน โดยไลท์ไรด์ (Light Ride) จะให้เสียงที่ลึกและนุ่มนวลที่สุด และ ยังสามารถใช้งานเป็นแครชได้อีกด้วย ส่วนเฮฟวี่ไรด์ (Heavy Ride) จะให้เสียงที่คมชัดที่สุด โดยจะมีความรู้สึกของเสียงโลหะ รวมทั้งเสียงที่ก้องกังวาน ระดับเสียงที่สูงรวมทั้งเบล (Bell) ที่ให้เสียงแบบที่ไม่ปราณีใคร สุดท้ายเป็นมีเดี้ยมไรด์ (Medium Ride) ซึ่งจะให้เสียงที่มีซัสเทนที่ดี และให้โทนเสียงที่อิ่ม รวมกับความสมดุลของเบลที่ให้เสียงที่ชัดเจน
|
พูดถึงฉาบแครชต้องบอกได้เลยว่าให้เสียงที่ใสและหวานเอามากๆ โดยมีเดี้ยมแครช (Medium crash) จะให้เสียงที่อุ่น อิ่ม และ สะอาด คล้ายกับรุ่น 2002 และ รุ่นแอลฟ่า (Alpha) ส่วนไลท์แครช (Light Crash) จะให้เสียงที่ใส สูง นุมนวล และ ชัดเจน ทางด้านเฮฟวี่แครช (Heavy crash) จะให้เสียงที่ดัง รุนแรง และ ระดับเสียงที่สูง
|
มาถึงไฮแฮท (Hi-Hat) ยิ่งให้เสียงที่น่าประทับใจขึ้นไปอีก โดยยังให้แนวเสียงที่ใส คมชัด และชัดเจน ฉาบไฮแฮททั้งสามรุ่นมีเนื้อเสียงที่ดีมาก บางทีฉาบรุ่นไฮแฮทรุ่นเริ่มต้น (โดยเฉพาะฉาบที่ไม่มีซาวด์เอ็ดจ์ (Sound edge) หรือว่า ช่องหยักตรงฉาบใบล่าง) จะให้เสียงที่ไม่มีน้ำหนัก และ เบาในตำแหน่งปิด แต่ไม่ใช่กับฉาบรุ่น PST7 อย่างแน่นอน ฉาบไฮแฮทรุ่น PST7 ให้เนื้อเสียงที่หนาและมีเนื้อในตำแหน่งปิด และเมื่อลองเหยียบแป้นเพเดิ้ลให้ฉาบไฮแฮททั้ง 2 ใบประกบกันก็จะได้เสียงที่ crisp และ ดัง ไม่เพียงเท่านั้น ลองค่อยๆ ปล่อยเพ็ดเดิ้ลเพื่อให้ฉาบไฮแฮทค่อยๆ เปิดขึ้นก็จะได้เสียงที่เหมือนกับน้ำที่แตกกระจายซึ่งได้เสียงที่มีคุณภาพและสดใสราวกับเสียงคลื่นกระทบฝั่ง
|
ในเรื่องของการใช้งาน รุ่นเฮฟวี่จะเหมาะกับแนวเพลงที่รุนแรงอย่างร็อคและเมทัล ส่วนรุ่นมีเดี้ยมจะให้โทนเสียงที่ฟังสบายขึ้นและให้เสียงที่อุ่นนวลที่สุดในบรรดาฉาบในราคาระดับเดียวกัน ท้ายสุดเป็นฉาบรุ่นไลท์ซึ่งจะเหมาะกับดนตรีแนวแจ๊สและอคูสติก อย่างไรก็ตามคุณสามารถที่จะผสมผสานฉาบหลายๆ รุ่นเข้าด้วยกันได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการให้เสียงที่ออกมาเป็นอย่างไร เพราะว่าเสียงของฉาบในแต่ละรุ่นจะให้โทนเสียงออกไปในแนวทางเดียวกัน
|